ทอท. โยนภาระชดเชยพิษเสียงให้รัฐบาลใหม่หมื่นล้าน กว่า 20,000 หลังคาเรือน กรณี<strong>บ้าน</strong>ที่ปลูกสร้างปี 2544-2549 ตามมติครม.21 พ.ย. 2549 หลังเสนอรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปแล้ว แต่ยุบสภาเสียก่อน เผยแผนขยายเฟส 2 รันเวย์ 3 ถนนกิ่งแก้วทั้งสายอ่วมอีกไม่ต่ำกว่า 500 หลัง ชาวบ้าน 70-80% เปลี่ยนใจขออยู่ที่เดิม หลังจากคณะกรรมการไตรภาคี ที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานมีมติเห็นชอบให้ จ่ายชดเชยประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเสียง ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 โดยเข้าอยู่ตั้งแต่ปี 2544-2549 หรือตั้งแต่ 1 มกราคม 2544-28 กันยายน 2549 ด้วย หลังจาก ทอท.จ่ายชดเชยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบตามมติครม.วันที่ 29 พฤษภาคม 2550 จำนวนกว่า 15,000<strong>หลังคาเรือน </strong>งบประมาณ 11,500 ล้านบาท นั้น นายสุรเดช เบญจาทิกุล ประธานกรรมการหมู่บ้านร่มฤดี ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง และหนึ่งในแกนนำชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทางเสียงรอบสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ เพื่อพิจารณาเห็นชอบเป็นผู้รับภาระแทนทอท.กรณีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อจ่ายชดเชยผลกระทบทางเสียงให้กับชาวบ้านรอบสนามบินสุวรรณภูมิตามแนวเส้นเสียงระดับ NEF 40 ขึ้นไป NEF 40-35 และNEF 35 – 30 ในส่วนที่เหลือ ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 กรณีประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนช่วงปี 2544-2549 โดยใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท จากจำนวนที่เหลือประมาณกว่า 20,000 หลังคาเรือน หลังจากที่ ทอท.ได้ใช้งบประมาณ 11,500 ล้านบาท ทยอยชดเชยทั้งซื้อและปรับปรุง ครอบคลุมจำนวน 15,667 หลังคาเรือน ตามมติครม.วันที่ 29 พฤษภาคม 2550ไปแล้ว รวมถึงแนวเส้นเสียงฤดูร้อนฤดูหนาว จากจำนวนบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 27,000 หลังคาเรือน ก่อนหน้านี้ ทอท.ได้เสนอเรื่องนี้ให้รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นชอบ แต่กลับยุบสภาเสียก่อน จึงต้องเสนอรัฐบาลใหม่ พิจารณาดังกล่าว อย่างไรก็ดีในส่วนของการขยายเฟส 2 รันเวย์ 3 ที่ครอบคลุมถนนกิ่งแก้วจะมีชุมชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 500 หลังคาเรือน อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาชาวบ้านส่วนใหญ่ 70-80% ต้องการอยู่ที่เดิม และส่วนที่เหลือต้องการขายและย้ายไปอยู่ที่อื่น ขณะเดียวกันลูกบ้านในหมู่บ้านร่มฤดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทอท. ได้จ่ายชดเชยจำนวน 11,500 ล้านบาท ครอบคลุม จำนวน 15,667หลังคาเรือน หรือเกือบครึ่งของจำนวนบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 27,000 หลังคาเรือน โดยในจำนวนนี้มีกว่า 2,000 หลังคาเรือน ที่อยู่ในข่ายที่ทอท.ต้องรับซื้อ เพราะอยู่ในเส้นเสียง NEF 40 แต่ปรากฏว่า มีเสนอขาย 160 หลัง และเมื่อถึงคราวรับซื้อจริงมียื่นเสนอขายเพียง 110 หลังเท่านั้น เนื่องจากเปลี่ยนใจขอรับงบซ่อมแซมและอยู่ที่เดิม อย่างไรก็ดีหากมีการขยายรันเวย์3 กลุ่ม ของNEF 30-35 อาจจะปรับระดับเสียงเป็นNEF 40 หรือ NEF เกิน40 ก็เป็นได้ เพราะเครื่องบินขึ้นลงเต็มรูปแบบที่วางไว้และมีการเพิ่มเที่ยวบิน ในส่วนของบ้านที่ต้องการขายที่อยู่ NEF 35-30 หรือNEF ต่ำจาก 40 ลงมา น่าจะเสนอขายได้ แต่มีเงื่อนไขว่า หากใช้เงื่อนไขซ่อมแซมไปแล้ว จะขอเงื่อนไขให้รับซื้อไม่ได้ ทั้งนี้จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ขณะที่ นางอารียา ปอมหาธรรมกิจ หนึ่งในลูกบ้านเคหะนคร2 กล่าวว่า ตนต้องการ<a href="http://www.prbaan.com" title="ขายบ้าน, ขายที่ดิน, ขายคอนโด, อสังหริมทรัพย์" target="_blank"><strong>ขายบ้าน</strong></a> และที่ผ่านมา ได้เรียกร้องมาโดยตลอด แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้รับการชดเชยดังกล่าว และที่ผ่านมาได้มีหนังสือถึงกระทรวงคมนาคมให้เร่งรัดจ่ายชดเชยสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบในแนวเส้นเสียง โดยเสนอเงื่อนไขว่า กรณีที่อยู่ในแนวเส้นเสียงที่ต่ำกว่า NEF 30-40 ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขปรับปรุงของทอท. หากลูกบ้านต้องการขายก็ให้พิจารณารับซื้อ หรือ กรณี NEF เกิน 40 อยู่ในเงื่อนไขที่ต้องขาย แต่หากลูกบ้านต้องการปรับปรุงก็สามารถให้ชดเชยในรูปแบบปรับปรุงได้เป็นต้น ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการไตรภาคี กล่าวว่า ได้มอบให้ ทอท.ไปสำรวจและรวบรวมกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบที่เข้าอยู่อาศัยหลังปี 2544 คือ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2544- 28 กันยายน 2549 ว่ามีจำนวนกี่รายและประมาณการวงเงินชดเชย เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาการให้ความช่วยเหลือต่อไป ซึ่งจะเป็นการเสนอเพิ่มเติมจากเดิมที่ทอท.ไดัรับอนุมัติงบประมาณ จำนวนกว่า 10,000 ล้านบาท สำหรับการชดเชยไปก่อนหน้านี้ โดยทอท.ได้รายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ากลุ่มเข้าอยู่อาศัยหลังปี 2544 มีถึง 27,000 ราย <br /><br />จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,643 12-15 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ขายบ้าน, ขายที่ดิน, ขายคอนโด, อสังหริมทรัพย์, นายหน้าขายบ้าน, นายหน้า, ตัวแทน, ขายบ้านมือสอง, ขายคอนโดมือสอง, Real estate, es