บิ๊กอสังหาฯ โหมการตลาดออนไลน์ เม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้าน ปูทางสร้างฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย และกิจกรรมการตลาด “แสนสิริ” ตั้งทีมเฉพาะดูแลออนไลน์ ยึดผู้นำมีแฟนเพจสูงสุดในกลุ่มธุรกิจ “เพอร์เฟค” ขายบ้านผ่านเว็บได้กว่า 10 ยูนิต “ปริญสิริ” เทงบมากกว่า 50% ผ่านโลกออนไลน์ “เอพี” ใช้สร้างแบรนด์คอนโดฯแอสปาย ได้ยอดคลิกกว่า 70,000 คลิก ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ระบุว่า ในรอบปีที่ผ่านมาจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ต อยู่ที่ 24 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีผู้ใช้อยู่ 18.3 ล้านคน ปัจจัยที่ส่งผลให้มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น เป็นผลจากโทรศัพท์ประเภทสมาร์ทโฟนมีการรองรับการให้บริการโมบาย อินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น แนวโน้มราคาของอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่ปรับตัวลดลง อุปกรณ์ใหม่ๆ ออกมากระตุ้นให้เกิดการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น iPad หรือบีบี ความนิยมในการใช้งานโซเชียล เน็ตเวิร์ก อย่าง เว็บเฟซบุ๊กมา ที่มีผู้ใช้กว่า 8.42 ล้านคน อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 6.08 ล้านคน และในต่างจังหวัดอีกกว่า 2.34 ล้านคน และยังรวมถึงนโยบายภาครัฐที่มุ่งเน้นให้เกิดการสร้างโครงข่ายความเร็วสูง การเติบโตของโลกออนไลน์ดังกล่าว ส่งผลให้นักการตลาดเข้ามาใช้ประโยชน์สำหรับการทำธุรกิจ เฉพาะประโยชน์ด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ที่มีมูลค่าการตลาดกว่า 5,000 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างก็เริ่มหันมาใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ด้วยไม่แพ้ธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเห็นได้จากผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ 10 อันดับแรก มีการใช้ออนไลน์มาร์เก็ตติ้งกันแทบทุกบริษัท ทั้งในเรื่องของการสร้างแบรนด์ การทำกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ การจัดแคมเปญโปรโมชัน ไปจนถึงการขายสินค้าผ่านเครือข่ายออนไลน์ด้วย ซึ่งเม็ดเงินโฆษณาที่บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ใช้ผ่านช่องทางออนไลน์มาร์เก็ตติ้งไม่น่าจะต่ำกว่า 500 ล้านบาทในปีนี้ ++แสนสิริตั้งทีมดิจิตอล นายสมัชชา พรหมศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เหตุผลที่ทำให้แสนสิริเข้ามาใช้สื่อออนไลน์ ในการทำการตลาด เนื่องจากการเติบโตของจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในเมืองไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงเป็นสื่อที่มีการลงทุนที่น้อยกว่าสื่อออฟไลน์ ในขณะที่ผลตอบรับคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพ รวมถึงวัดผลได้ และเป็นสื่อออนไลน์เป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพฤติกรรมของคนที่สนใจในอสังหาฯ มักจะเริ่มต้นด้วยการค้นหาข้อมูลก่อน รวมถึงการสอบถามความเห็นจากกลุ่มเพื่อน และในสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับโครงการที่ลูกค้าคนนั้นสนใจ โดยแสนสิริใช้งบประมาณ 5% ของงบการตลาดทั้งหมดกับสื่อออนไลน์ โดยมีการตั้งทีมดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งที่มีพนักงาน 14 คน รวมถึงแต่งตั้งตำแหน่ง Social Marketing ขึ้นมาดูแลงานด้านโซเชียล มีเดียโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นบริษัทไทยรายแรกๆ ที่มีตำแหน่งตรงนี้ ซึ่งสื่อออนไลน์ที่บริษัทใช้นั้น มีด้วยกัน 4 ประเภท คือ 1. mobile media ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันผ่านโทรศัพท์มือถือ 2.social media ได้แก่ เว็บเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บยูทูบ 3. new media อาทิ ไอแพด และ 4.online media ได้แก่ การลงโฆษณาผ่านแบนเนอร์ในเว็บไซต์ เป็นต้น นายสมัชชา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันแสนสิริมีฐานสมาชิกเว็บไซต์กว่า 7 ล้าน เพจวิว ในปีที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราส่วนเติบโต 55% ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 60% ส่วนเฟซบุ๊กมีจำนวนผู้เป็นแฟนเพจกว่า 23,510 ราย ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำในกลุ่มอสังหาฯ ขณะที่ทวิตเตอร์ ที่มีจำนวน followers ณ ปัจจุบัน 4,787 followers โดยแสนสิริใช้สื่อออนไลน์ มาใช้ในด้านการตลาดใช้ในทุกกิจกรรม เช่น ด้านการขาย การบริการหลังการขาย “เป้าหมายของการใช้สื่อออนไลน์มีหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของแบรนด์ ที่ใช้ในการสำรวจวิจัย ด้านยอดขาย ซึ่งจากรายงาน พบว่ากว่า 60% ของยอดขายที่เกิดขึ้น เกิดจากสื่อดิจิตอล เป็นต้น อย่างช่วงต้นปีที่ผ่านมา แสนสิริจัดแคมเปญยิ่งคลิก มูลค่ายิ่งเพิ่ม ในการให้ส่วนลดสำหรับการซื้อโครงการของบริษัท ปรากฏว่ามีผู้ชมกว่าครึ่งแสน ในระยะเวลาเพียง 10 วัน และจำนวนผู้ร่วมคลิก เพิ่มมูลค่าส่วนลดกว่า 3,690 คน คิดเป็นมูลค่าที่มอบกลับไปยังผู้ได้รับบัตรของขวัญถึง 369,000 บาท” นายสมัชชา กล่าวและว่า แผนงานต่อจากนี้แสนสิริจะยังคงพัฒนา สื่อหลัก 4 สื่อที่ได้จัดทำกันมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคและวงการดิจิตอล และในปีนี้ แสนสิริยังเน้นหนักในเรื่องของการวัดผลและการเจาะลึกในสื่อแต่ละประเภท เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ++เพอร์เฟคขายบ้านผ่านเว็บ นางสาวอุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล ประธานบริหาร บริษัท ธอมัสไอเดีย จำกัด กล่าวว่า การใช้สื่อออนไลน์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีมากขึ้นช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมาก จากการที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ หันมาให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ การมีเว็บเฟซบุ๊กเพื่อใช้ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายและเป็นสื่อราคาถูก ส่วนมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ปัจจุบันยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน แต่คาดว่าในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ จะมีการใช้เม็ดเงินผ่านสื่อออนไลน์มูลค่าหลายร้อยล้านบาท และแนวโน้มก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่หลายกลุ่มธุรกิจเข้ามาใช้สื่อออนไลน์ เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน เป็นต้น “ปัจจุบันหลายธุรกิจหันมาใช้สื่อโฆษณาออนไลน์มากขึ้นจนเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ไม่มีพื้นที่โฆษณาเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า เช่น เว็บไซต์พันทิป ห้องชายคา ซึ่งเป็นเว็บที่บริษัทอสังหาฯ ส่วนใหญ่นิยมซื้อแบนเนอร์โฆษณา ขณะที่ราคาแบนเนอร์โฆษณาสินค้าก็ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-20% มีราคาเฉลี่ย 30,000-50,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าเป็นเว็บที่ไม่ได้รับความนิยมราคาก็จะอยู่ในระดับหลักร้อยถึงพันบาทต่อเดือน และไม่ใช่เฉพาะบริษัทรายใหญ่เท่านั้นที่มาโฆษณาในเว็บไซต์ บริษัทรายเล็กก็มาใช้ด้วยเช่นกัน” นางสาวอุไรพร กล่าวและว่า ในส่วนบริษัทได้รับเป็นที่ปรึกษาและดูแลการพัฒนาสื่อออนไลน์ให้กับบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการใช้สื่อออนไลน์ ด้วยการเพิ่มงบประมาณในสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 2% เป็น 5% และ 10% ของงบประมาณการตลาดรวมในแต่ละปีตามลำดับ ซึ่งช่วงปีที่ผ่านบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯ ได้ทำแคมเปญ Cyber Due ในการให้ส่วนลดและโปรโมชันพิเศษสำหรับผู้มาลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ส่วนช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยังจัดแคมเปญดังกล่าวต่อเนื่อง โดยนำเอาบ้านคอลเลกชันพิเศษ 50 ยูนิต มาขายผ่านเว็บไซต์เท่านั้น ซึ่งสามารถขายบ้านได้กว่า 10 ยูนิต ++ปริญสิริเท 50 ล้าน นางสาวพัชรี โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเริ่มใช้สื่อออนไลน์อย่างจริงจัง จากการเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนใหญ่เกือบ 100% จะหาข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ก่อนการเข้าเยี่ยมชมโครงการ ในปีนี้บริษัทจึงเริ่มต้นการพัฒนาเว็บไซต์เป็นส่วนที่ให้ข้อมูลกับลูกค้าอย่างครบถ้วน และได้มีการเพิ่มในส่วนวิดีโอ คลิปที่เป็นหนังสั้น 4 เรื่อง เพื่อสร้างแบรนด์ปริญสิริผ่านสื่อดังกล่าวด้วย นอกจากนี้บริษัทยังเริ่มต้นพัฒนาเว็บเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เพื่อใช้เป็นสื่อในการสร้างแบรนด์ การจัดกิจกรรมการตลาด การทำกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ ทั้งในส่วนของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัท และลูกค้าประชาชนทั่วไปด้วย สำหรับงบประมาณการตลาดรวมปีนี้ บริษัทใช้ประมาณ 2-3% ของยอดรับรู้รายได้ที่ปีนี้ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณด้านสื่อออนไลน์ประมาณ 1% ของงบประมาณด้านการตลาด ซึ่งในงบประมาณด้านการซื้อโฆษณาในปีนี้ ช่วงครึ่งปีแรกจะใช้ซื้อสื่อออนไลน์มากกว่า 50% ส่วนที่เหลือเป็นสื่อโฆษณาอื่นๆ เช่น วิทยุ ป้ายโฆษณา นิตยสาร เป็นต้น ที่บริษัทยังคงใช้ควบคู่กันอยู่ ซึ่งสัดส่วนของงบประมาณซื้อสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ใช้เพียง 10% โดยปีที่ผ่านมาจะใช้งบซื้อสื่อโทรทัศน์มาก เฉพาะการโฆษณาขายคอนโดมิเนียมมีมากถึง 30-40 ล้านบาท ++เอพีใช้สร้างแบรนด์คอนโดฯ นายวิทการ จันทวิทมล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์นั้น ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการควบคู่ไปกับการเลือกใช้สื่อต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมรับข้อมูลข่าวสารผ่านโลกออนไลน์ มากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการพัฒนาเว็บไซต์www.ap-thai.com ให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลต่างๆ ทั้งโครงการใหม่ โปรโมชันหรือสิทธิพิเศษต่างๆ แล้ว บริษัทยังเลือกใช้สื่อออนไลน์ ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น เฟซบุ๊ก ที่กำลังได้รับความนิยม บริษัทก็ได้พัฒนาขึ้น โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ ของลูกบ้าน “ข้อมูลข่าวสารที่นำเสนอผ่านเฟซบุ๊ก นั้นก็จะต่างจากสิ่งที่อยู่ในเว็บไซต์ เพราะเฟซบุ๊กถือเป็นโซเชียลมีเดีย ที่บริษัทนำเสนอจะโฟกัสไปในเรื่องไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตในเมืองมากกว่า หรือล่าสุดบริษัทได้ใช้กลยุทธ์วิชวล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อมุ่งสร้างการรับรู้ให้กับคอนโดมิเนียมแบรนด์แอสปาย ผ่านการส่งต่อวิดีโอ ลิงก์ ที่บริษัทได้จัดทำขึ้น ซึ่งผลที่เกิดขึ้นถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากมียอดคลิกมากกว่า 70,000 คลิก ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างการรับรู้ที่น่าสนใจภายใต้งบประมาณที่ต่ำกว่าสื่อประเภทอื่นๆ สำหรับอนาคตบริษัท ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาสื่อออนไลน์ ในรูปแบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสมัยนิยมอย่างต่อเนื่อง” นายวิทการ กล่าว ++บิ๊กอสังหาฯโหมออนไลน์ ความเคลื่อนไหวของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ที่ใช้สื่อออนไลน์ มีทั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้วางแผง ibook ให้ดาวน์โหลดข้อมูล, ข่าวสาร และนิตยสารของบริษัทได้ฟรีสำหรับไอแพด บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ก็มีการให้ลูกบ้านดาวน์โหลดคูปองส่วนลดร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงแอพพลิเคชันต่างๆ เช่น เพลง บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญให้ผู้สนใจเข้ามาคลิกในเฟซบุ๊กเพื่อชิงรางวัล เป็นต้น โดยส่วนใหญ่ผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีเว็บไซต์องค์กร เพื่อใช้ในการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับโครงการ แคมเปญการตลาด และเริ่มมีการเพิ่มเว็บเฟซบุ๊กเข้ามาสร้างฐานลูกค้า และกิจกรรมการตลาดต่างๆ ด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,626 14-16 เมษายน พ.ศ. 2554