ข่าว
ขายบ้าน :
อสังหาฯเกาะสมุยอ่วม หลังได้รับผลกระทบเศรษฐกิจยุโรป-ภัยพิบัติภาคใต้ โครงการบ้านหรูขายต่างชาติกว่า 100 แห่ง กว่า 80% ต้องชะลอพัฒนา เหตุยอดขายร่วง 3 เท่า “หมอบุญ” เจ้าของโครงการเดอะพีค หรือ ชื่อใหม่หิมพานต์ ชะลอแผนพัฒนาโครงการ 300 หน่วย ออกไปก่อน หลังกว่า 2 ปี ขายได้แค่ 70หน่วย ปรับแผนใหม่เดินหน้าโรดโชว์ดูดกำลังซื้อจากจีนแทน ส่วนคดีฟ้องมั่นใจชนะแน่ น.พ.บุญ วนาสิน เจ้าของโรงพยาบาลปิยะเวท และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ราชธานีเรียลแอสเตท จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากวิกฤติการเงินในแถบยุโรปส่งผลกระทบต่อโครงการบ้านหรูขายต่างชาติ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ หัวหิน ฯลฯ โดยเฉพาะโครงการบนเกาะสมุย ที่ปัจจุบันมีเปิดขายไม่ต่ำกว่า 100 โครงการ ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปจนถึงกว่า 100ล้านบาท ต่างได้รับผลกระทบต่อ และมีจำนวนมาก อาจมีล้มหายตายจาก และกว่า 80% ต้องชะลอการพัฒนาออกไป โดยไม่ทำเฟสใหม่ต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันแทบไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาสอบถามหรือ ตัดสินใจซื้อเหมือนที่ผ่านมา ประกอบกับ ภาคใต้ ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติทำให้ทุกอย่างชะงักไปหมด จากการตรวจสอบพบว่า ยอดขายลดลง 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา โดยดูจากยอดขายของโครงการ เดอะพีค ที่เขาด่าง ตำบลบ่อผุด เกาะสมุย หรือ ชื่อใหม่ “หิมพานต์” ซึ่งได้เปิด
ขายบ้านหรู และโรงแรม เมื่อช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าปัจจุบันนับตั้งแต่ปลายปีเป็นต้นมาไม่มีลูกค้า เข้าเยี่ยมชมโครงการและซื้อแม้แต่รายเดียว จากที่ ก่อนหน้านี้ มีลูกค้าต่างชาติแถบยุโรป ซื้อเฉลี่ยเดือนละ 3 ราย ส่งผลให้บริษัทต้องปรับแผน ด้วยการชะลอพัฒนาโครงการออกไปไม่มีกำหนดเพราะขายได้เพียง 70 หน่วยเท่านั้น นับจากเป็นโครงการโดยจะเร่งสร้างบ้านในส่วนที่ลูกค้าจอง แต่พื้นที่ที่วางแผนพัฒนาต่อเนื่องทั้งโครงการบนพื้นที่กว่า 300 ไร่ จำนวน 200-300 หน่วย น่าจะรอดูท่าทีก่อน เพราะหากลงทุนไปจะทำให้บริษัทได้รับผลกระทบระยะยาวจากการขายโครงการไม่ออก สำหรับทางออก เมื่อเศรษฐกิจในแถบยุโรปซบเซา ไม่มีกำลังซื้อเหมือนที่ผ่านมา บริษัทได้วางแผนนำโครงการไปโรดโชว์ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มองว่ามีกำลังซื้อ และชื่นชอบเกาะสมุยที่จะซื้อเป็นบ้านหลังที่สอง โดยระดับราคาน่าจะปรับให้ ต่ำลง ให้สอดรับกับลูกค้าเอเชียแทน ที่ผ่านมาโครงการหิมพานต์ มีลูกค้าจากนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษจองไว้ไม่ต่ำกว่า 7 ราย รวมถึงนักธุรกิจชั้นนำ แต่ปัจจุบัน ยังไม่มีคนดังเข้ามาจองเพิ่มอีก นอกจากนี้ หมอบุญ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกรมที่ดิน และกระทรวงมหาดไทย ในฐานะเพิกถอนเอกสารสิทธิ ประเภทโฉนด และน.ส.3 ก (หนังสือรับรองการทำประโยชน์) จำนวนกว่า 120 ไร่ บนยอดเขาด่าง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายในโครงการเดอะพีคเดิม (หิมพานต์) ที่พัฒนาเป็นโครงการบ้านพักตากอากาศขายให้กับต่างชาติเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ เรื่องอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของศาล และจะสรุปสำนวนและพิพากษาได้ โดยมั่นใจว่า บริษัทจะเป็นผู้ชนะคดี ทั้งนี้ในสำนวนบริษัทระบุว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบครั้งนี้ เพราะบริษัทได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวในรุ่นที่ 3 ซึ่งมีการเปลี่ยนมือเรื่อยมา และล่าสุด บริษัทได้ซื้อไว้ ซึ่งมีสภาพเป็นน.ส.3ก และโฉนดเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้มีลักษณะเป็น ส.ค.1 ( ใบแจ้งการครอบครองที่ดิน) เพื่อนำมาขอออกเอกสารสิทธิเองแต่อย่างใด หมอบุญกล่าวว่า โอกาสที่บริษัทจะชนะคดี มีแน่นอน เพราะการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เป็นความผิดของ กรมที่ดิน มีการสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าของที่ดินคนก่อน หรือ ออกผิดพลาดคลาดเคลื่อน แล้วจึงนำมาขายต่อเป็นทอดๆ ดังนั้นหากมีการตรวจสอบภายหลังพบว่า มีความผิดพลาด และต้องถึงขั้นเพิกถอน ก็ถือว่าเอกชนที่ซื้อไม่มีความผิด และถึงแม้ว่าจะถูกเพิกถอนโฉนด แต่รัฐจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัท ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบ อย่างไรก็ดี ที่ดินส่วนที่เหลือของบริษัท เป็นที่ดินที่บริษัทซื้อต่อจากเจ้าของที่ดินเดิม จำนวน 450 ไร่ รวมกันเป็นผืนใหญ่ติดต่อกัน ซึ่งปัจจุบันถูกเพิกถอนไป 120 กว่าไร่ จึงเหลือเพียง กว่า 300 ไร่ “ยืนยันว่า กรณีความลาดเอียงเกิน 35% หรือ 35 องศา ในพื้นที่เขตสมุย ที่กรมป่าไม้กำหนดห้ามออกเอกสารสิทธิกฎหมายบังคับใช้ปี 2505 ขณะที่ ส.ค.1 ที่ รัฐให้ชาวบ้านนำหลักฐานการทำประโยชน์ก่อนปี 2497 หรือ ก่อนประมวลที่ดินบังคับใช้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ก่อน ดังนั้นหากเป็นพื้นที่สูงในสมุย หากมีส.ค.1 มาแสดง ทุกแปลงสามารถออกเอกสารสิทธิได้ แต่ต้องไม่ทับที่ดินแปลงอื่นของใครหรือ ทับเขตป่า ในลักษณะสวมสิทธิ์ ส.ค.1บิน.-บวม เพราะ พื้นที่สมุยส่วนใหญ่จะเป็นเขาสูงเกิน 35% แทบทั้งสิ้น และ ที่ผ่านมาก็ออกเอกสารสิทธิ ถูกต้อง” ส่วนเขาดวงนก เนื้อที่ กว่า 90 ไร่ เกาะสมุย ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบซึ่งเจ้าของที่ดิน คือบริษัทเกาะสมุยพาโนราม่าฯ ก็ฟ้องร้องต่อศาลเช่นกัน รวมถึงธนาคารทหารไทยก็ฟ้องทั้งเอกชนและกรมที่ดินด้วย วงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,624 7- 9 เมษายน พ.ศ. 2554