แม้นักวิเคราะห์หลายคนและนักคาดการณ์จากหลายสถาบันจะเห็นพ้องกันว่า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวแล้ว แต่รัฐบาลจีนก็ยังไม่รีบร้อนที่จะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนที่หลายประเทศดำเนินการไปแล้ว เพราะจีนเชื่อว่า ฟื้นเศรษฐกิจต้องให้แข็งแกร่งไว้ก่อน ยุทธศาสตร์ฟื้นเศรษฐกิจของจีนในปีหน้า รัฐบาลจึงยังมุ่งเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในปีนี้ต่อเนื่องไปอีก และยังให้ความสำคัญกับประด็นหลัก คือการกระตุ้นการบริโภคและใช้จ่ายในประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านมือสอง เป้าหมายของจีนต้องการฉุดไม่ให้เกิดการเก็งกำไรจนทำให้ราคาบ้านพุ่งสูงจนกลายเป็นปัญหาให้กับผู้ซื้ออย่างที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รวมไปถึงการยกเว้นภาษีในการซื้อรถขนาดเล็กที่เพิ่มจาก 5% เป็น 7.5% และให้มีผลบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นปี 2553 นอกจากนี้ยังมีมาตรการยกเว้นภาษีในการขายบ้าน โดยหากเจ้าของเดิมถือครองติดต่อกันมากกว่า 2 ปีไม่เกิน 5 ปี สามารถยกเว้นภาษีได้กลับมาใช้ใหม่เพื่อป้องกันการเก็งกำไร ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการโอนบ้าน ซึ่งสุดท้ายทำให้ตลาดซื้อขายบ้านมีต้นทุนถูกลง และยังส่งเสริมให้ประชาชนซื้อบ้านของตัวเอง พร้อมๆไปกับนโยบายเพิ่มจำนวนบ้านราคาถูกมากขึ้น มาตรการซื้อบ้านนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่คณะกรรมาธิการเพื่อการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีนให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการซื้อบ้านเก็งกำไร จนราคาพุ่งสูง โดยตัวเลขเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ราคาบ้านใน 70 เมืองขนาดกลางถึงใหญ่ของจีนพุ่งสูงติดต่อกันนาน 8 เดือน เมื่อเทียบกับราคาบ้านตั้งแต่ปี 2550 คนจีนโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวต้องร้องเรียนว่าราคาบ้านพุ่งสูงจนกลายเป็นปัญหาซื้อไม่ไหว ส่วนนโยบายลดภาษีรถยนต์ ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1.6 ลิตรจาก 10% เพิ่มเป็น 50% ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารัฐบาลต้องการลดการอุดหนุนสำหรับคนร่ำรวยที่สามารถแบกรับภาระการซื้อรถได้ พร้อมกันนี้ยังส่งเสริมรถเก่ามาแลกรถใหม่หรือ cash for clunkers ซึ่งจีนเริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย โดยขยายวงเงินให้อุดหนุนการนำรถเก่ามาแลกรถใหม่เพิ่มขึ้นจาก 5,000 หยวน ต่อคันเป็น 18,000 หยวนต่อคัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ช่วยให้ยอดขายรถในจีนทะลุเกิน 13 ล้านคันในปีนี้หลังจากแซงหน้าสหรัฐอเมริกาขึ้นเป็นตลาดรถใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้ว และนโยบายนี้ยังสอดรับกับแผนปรับปรุงการกระจายรายได้ไปทั่วประเทศอีกด้วย มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายยังครอบคลุมไปถึงการให้อุดหนุนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้าน รวมทั้งเครื่องจักรการเกษตร ตลอดทั้งให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ที่ตกงาน หากประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้ จีนค่อนข้างมั่นใจว่าจะส่งผลต่อการเพิ่มการใช้จ่ายอย่างชัดเจน แม้แต่ธนาคารโลกก็ประกาศว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนถือเป็นแนวทางที่สร้างความสำเร็จได้ชัดเจนและนำไปเป็นแบบอย่างในการช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้ ขณะที่อีกหลายคนชี้ว่าจีนมีปัจจัยเอื้อที่ต่างจากประเทศทั่วโลก เพราะนอกจากทุนสำรองที่รัฐบาลถือครองไว้จำนวนมหาศาลแล้วจีนยังมีตลาดขนาด 1.3 พันล้านคนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามแม้จีนจะมั่นใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ แต่ประเด็นน่าป็นห่วงคือมาตรการปล่อยกู้ ที่ปีหน้าทางการจีนตั้งเป้าไว้ 8 ล้านล้านหยวน แม้จะเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่ายอดปล่อยกู้ของธนาคาร 10 เดือนแรกปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 8.9 ล้านล้านหยวน แต่ก็หวั่นกันว่า ตัวเลขปล่อยกู้มหาศาลจะกระทบทุนสำรองของธนาคารที่อาจต้องเพิ่มทุนแล้ว ตัวเลขหนี้ยังเสี่ยงเป็นหนี้เสียที่อาจเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งแม้จะดูว่าเป็นปัญหาเล็กแต่ก็เคยลามเป็นวิกฤติมาแล้ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,487 13-16 ธันวาคม พ.ศ. 2552