“ฮาริสัน”ตั้งเป้าไตรมาสแรกปี 54 บริหารการขายอสังหาริมทรัพย์ 10 โครงการมูลค่าร่วม 8 พันล้านบาท เผยมีทั้งแนวราบแนวดิ่ง ชี้แม้แบงก์ชาติจะคุมเงินดาวน์แต่คอนโดฯแนวรถไฟฟ้ายังเปิดตัวต่อเนื่อง ทั้งลดความเสี่ยงปรับพอร์ตบริหารเพิ่มสัดส่วนแนวราบ เป็น 20 % วางแผนอัดฉีดงบ 30 ล้านบาทจัด 6 กิจกรรมกระตุ้นยอดขายตลอดปีเล็งขึ้นห้างหรูพารากอน- ดิ เอ็มโพเรียม นายสหัชชัย ขวัญชื้น รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแผนการดำเนินการในปี 2554 ว่าได้ตั้งเป้าจะบริหารการขายให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูงประมาณ 20 โครงการ มีมูลค่าร่วม 20,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาบริหารขาย ประมาณ 10 โครงการเฉลี่ยมูลค่าโครงการละ 800 ล้านบาทหรือมีมูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการคอนโดมิเนียมอีก 7 โครงการซึ่งขณะนี้ได้เริ่มเจรจาเบื้องต้นไปแล้ว และจะเซ็นสัญญาในไตรมาสที่ 3 อีก 10 โครงการมูลค่าร่วมหมื่นล้านบาท “แม้มาตรการกำหนดเงินดาวน์ 10% สำหรับอาคารชุดที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 นี้ก็ตาม แต่ก็ยังมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยใน 7 โครงการที่จะเซ็นสัญญาบริหารการขายในปีหน้านั้นเป็นคอนโดฯที่ตั้งอยู่แนวรถไฟฟ้า ทั้งใต้ดินและบีทีเอสและอยู่ในย่านใจกลางเมืองทั้งสิ้น แสดงให้เห็นถึงความต้องการยังมีอยู่และส่วนใหญ่เป็นโครงการที่วางเงินดาวน์ 10-15% ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบกับมาตรการของแบงก์ชาติ แม้ว่าจะส่งผลกระทบทางด้านจิตวิทยาในการซื้ออยู่บ้าง แต่สำหรับผู้ที่ซื้อเพื่อต้องการอยู่อาศัยจริงแล้วไม่มีผลกระทบ เพราะมีการวางแผนทางการเงินไว้เป็นอย่างดี “ นายสหัชชัย กล่าวว่า แต่ที่ส่งผลให้นักเก็งกำไรและนักลงทุนซึ่งเดิมมีอยู่ในราว 30% นั้นหายลงไปครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มซื้อเพื่อเก็งกำไรที่หายไปมาก เนื่องจากถ้าหากขายใบจองโครงการแรกไม่ได้ ก็ไม่มีเงินไปซื้อโครงการต่อไป ส่วนกลุ่มนักลงทุนนั้นจะเป็นการขายในลักษณะของรีเซลล์ หรือถ้ายังขายไม่ได้ก็สามารถโอนได้ กลุ่มนี้จะไม่ได้รับผลกระทบเพราะมีเงินสดอยู่ในมือ และมีกำลังซื้อสูง ส่วนแนวราบที่เปิดใหม่จะตั้งอยู่ทำเล ตะเข็บเมืองทั้ง เกษตรฯ-นวมินทร์ วิภาวดีฯ-ลาดพร้าว บางนาเป็นต้น ซึ่งเป็นการรองรับความต้องการที่แท้จริง” สำหรับแผนการดำเนินการในปีหน้าบริษัทมีแผนปรับพอร์ตด้วยการหันมาเพิ่มการขายโครงการแนวราบมากขึ้น จากเดิมที่มีอยู่เพียง 10% จะปรับเป็น 20% เพื่อลดความเสี่ยง หลังจากเห็นว่าตลาดคอนโดมิเนียมในปีหน้าจะลดความร้อนแรง ซึ่งในปีนี้มีการเปิดตัวโครงการกันเป็นจำนวนมากและอาจจะมีปัญหาโอเวอร์ซัพพลายในบางทำเล เช่นอ่อนนุช- บางนาที่เปิดตัวกันเป็นจำนวนมาก ในขณะที่บางทำเลยังมีความต้องการอยู่ และคาดว่าปี 2554 น่าจะทำยอดได้ในราว 10,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีนี้ ที่ตั้งเป้าไว้ในราวหมื่นล้านบาทแต่สิ้นเดือนพฤศจิกายนทำได้เพียง 8,000 ล้านบาทและในเดือนธันวาคมคาดว่าจะได้อีกราว 6-700 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากปัญหาการเมืองจากการชุมนุมในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ส่วนทางด้านแผนการส่งเสริมการตลาดนั้น จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย 6 กิจกรรมใหญ่ในปีหน้า ใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท แบ่งเป็นการร่วมงานมหกรรมซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียม 2 ครั้งที่จัดขึ้นช่วงเดือนมีนาคมและตุลาคม ส่วนที่เหลือจะเป็นการจัดงาน ที่ศูนย์การค้า ซึ่งในปีนี้ได้พื้นที่เอ็มโพเรียมและสยามพารากอน ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ปลายเดือนเมษายนและเดือนมิถุนายน นายสหัชชัย กล่าวอีกว่า การจัดงานส่งเสริมการขายในศูนย์การค้าทำให้เพิ่มยอดขายได้ถึง 30% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้เนื่องจากมีกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อที่ชัดเจนเหมือนเป็นการกระตุ้นตลาดทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจในการซื้อมากยิ่งขึ้นทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์จะจัดงานใหญ่ ที่สยามพารากอน โดยนำ 10 โครงการในเมืองมาเสนอขาย ให้ส่วนลดสูงสุดเป็นโปรโมชันในงานมีมูลค่าถึง 100 ล้านบาท โดยการนำห้องชุด ที่ตั้งอยู่หัวมุมมาให้ส่วนลด จาก 3 ล้านบาทเหลือ 2.7 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งถือเป็นงานแรกที่จะจัดในปีหน้า นอกจากนี้ยังได้ตั้งงบประมาณในการทำการตลาดและส่งเสริมการขายไว้ในราว 300-400 ล้านบาทใกล้เคียงกับปี 2553 ซึ่งจะใช้จัดโปรโมชัน จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ในการให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่ถือบัตร สมาชิก ฮาริสัน แนมเบอร์คลับ เป็นต้น และคาดว่าภายในต้นปีหน้าจะสามารถปิดการขายได้ ประมาณ 10 โครงการพร้อมกับรับใหม่อีก 10 โครงการ สำหรับปัจจัยเสี่ยงปีหน้า คิดว่าปัญหาการเมืองยังเป็นปัจจัยที่ต้องระวัง ถ้าหากการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจจะโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนการขี้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบมากเนื่องจาก ปรับขึ้นครั้งละ .25% ซึ่งไม่ส่งผลกระทบสำหรับกลุ่มตลาดที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง อนึ่งโครงการที่บริหารการขายอยู่ในขณะนี้ได้แก่ เลอริช @ อารีย์สเตชั่น แทมโป้ 2 พหลโยธิน แทมโป้ 1 ซอยร่วมฤดี และอีกหลายโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,595 26-29 ธันวาคม พ.ศ. 2553