เอ็น.ซี. มั่นใจเศรษฐกิจไทย ดีมานด์ที่อยู่อาศัย ดันธุรกิจอสังหาฯ ปี 54 โตได้ต่อเนื่อง วางเป้ายอดขายเพิ่ม 20% พร้อมเปิดโปรเจ็กต์ใหม่ทั้งปี 4,000 ล้านบาท ประเดิมโครงการแรก มูลค่า 800 ล้าน จับตลาดไฮเอนด์ ขายบ้าน 10-30 ล้าน จากปีที่ผ่านมาทำสัดส่วนยอดขายได้กว่า 45% น.พ.สมเชาว์ ตัณฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในรอบปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้กว่า 1,270.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 46% จากปีก่อนหน้าที่ทำรายได้กว่า 865.11 ล้านบาท ขณะที่กำไรบริษัทสามารถทำได้กว่า 91.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 63.70% จากปี 2552 ที่มีกำไรกว่า 56.08 ล้านบาท ส่วนในตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์เอง ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเพราะภาพรวมของเศรษฐกิจในรอบปีที่ผ่านมาเติบโตได้ด้วยดี ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน “ในปีนี้ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง เชื่อว่าธุรกิจอสังหาฯ และบริษัทยังคงจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพราะความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคที่จะซื้อบ้านยังมีอยู่ แม้ปีที่แล้วจะมีการซื้อไปมากแล้ว แต่ก็ไม่เชื่อว่าความต้องการจะหมดลงอาจจะเป็นการเติบโตแบบชะลอตัว คาดว่าการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้ยังคงจะมากกว่า 20% เพราะปัจจัยสำคัญเป็นในเรื่องของสภาพเศรษฐกิจที่ยังดี กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีอยู่มาก ปีนี้บริษัทจะยังคงลงทุนต่อเนื่องอีก 5 โครงการมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท” น.พ.สมเชาว์ กล่าวและว่า ปัจจุบันบริษัทได้ซื้อที่ดินเพิ่มในทำเลใหม่ ที่มีศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการแล้ว ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายสูงกว่าปีที่ผ่านมา 20% คิดเป็นมูลค่า 2,400 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้มูลค่า 1,700 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนสินค้า ประเภทบ้านเดี่ยว ระดับราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท 45% และบ้านเดี่ยว ระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท 25% กลุ่มสินค้าบ้านแฝดสัดส่วน 20% และกลุ่มทาวน์เฮาส์อีก 10% ซึ่งบริษัทได้ชูกลยุทธ์สมาร์ท แอนด์ สไมล์ (NC SMART & SMILE) ด้วยการเพิ่มมูลค่า 5 ด้าน ได้แก่ ด้านโครงการ ด้านสินค้า ด้านโปรโมชัน ด้านบริการ และด้านคุณภาพ ด้านนายรังสรรค์ นันทกาวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อจับกลุ่มผู้ซื้อบ้านกลุ่มไฮเอนด์ระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้โครงการ เดอะรอยัลกรีนพาร์ค กาญจนาภิเษก มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท จำนวน 59 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 19 ไร่ ราคาตั้งแต่ 10-30 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้ และช่วงเปิดตัวในเดือนนี้คาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาท “ตลาดบ้านระดับไฮเอนด์ราคา 10 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายได้ถึง 45% ถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เพราะกลุ่มคนที่ซื้อหากสินค้าตรงความต้องการ ทำเลที่เหมาะสม ก็จะประสบความสำเร็จในการขายสูง ช่วงก่อนการเปิดตัวโครงการบริษัทก็มียอดจองแล้ว 2 ยูนิต คาดว่าในปีนี้กลุ่มบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป บริษัทน่าจะมียอดขายมากถึง 50%” นายรังสรรค์ กล่าว ขณะที่ นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า กลยุทธ์ด้านการตลาดบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับพันธมิตรเพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยในปีนี้บริษัทได้จัดสรรงบประมาณการตลาด 100 ล้านบาท ในการทำตลาดด้วยรูปแบบ Marketing Communication เพื่อให้ครอบคลุมช่องทางการสื่อสารในทุกรูปแบบ และยังจัดแคมเปญใหญ่แห่งปี ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), Panasonic และ บริษัท J.I.B Computer ถือเป็นพันธมิตร ภายใต้ชื่อแคมเปญ Everyday Smart Every day Smile โดยมีสิทธิพิเศษจากโครงการในกลุ่มบ้านฟ้า เข้าร่วมแคมเปญ 8 โครงการ ซึ่งจะเป็นบ้านพร้อมอยู่ จำนวน 80 ยูนิต และตั้งเป้ายอดขายจากแคมเปญนี้ 350 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,617 13-16 มีนาคม พ.ศ. 2554
ขายบ้าน, ขายที่ดิน, ขายคอนโด, อสังหริมทรัพย์, นายหน้าขายบ้าน, นายหน้า, ตัวแทน, ขายบ้านมือสอง, ขายคอนโดมือสอง, Real estate, es