เร่งขาย’บ้านเอื้ออาทร’ 46,000หน่วย

<strong>การเคหะฯ เร่งก่อสร้าง</strong>-<strong>ขายบ้านเอื้ออาทร</strong>ที่เหลือ 46,000 หน่วย ย้ำไม่เน้นกิจกรรมการตลาดอย่าง<strong>มหกรรมบ้าน</strong>เหมือนก่อน ปรับใหม่ ให้ลงพื้นที่เพื่อขายแบบประชิดตัวทุกโครงการเพื่อชำระหนี้ พร้อมจับมือเอกชน -รัฐวิสาหกิจอื่นอย่างททท. ไปรษณีย์ กระตุ้นขาย -ลุ้นโชค นางพรรณสุภา ยุทธภัณฑ์บริภาร ผู้ช่วยผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ(กคช.) เปิดเผยว่า นายวิฑูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการกคช. มีนโยบายเน้นย้ำเกี่ยวกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่กคช.ต้องเสนอแผนดำเนินโครงการ และการจัดการทรัพย์สินที่รอการพัฒนาทั้งหมด รวมถึงการปรับโครงสร้างต่อสภาพัฒน์ ซึ่งทั้งหมดนี้นับเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต่อไป สำหรับกรณีการจัดการโครงการบ้านเอื้ออาทรขณะนี้ได้มอบทุกหน่วยงานรวมถึงฝ่ายการตลาด เร่งรัดการขายและการทำแผนงานให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ดังนั้นการก่อสร้างต้องเร่งรัดให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดซึ่งฝ่ายการตลาดได้เสนอแผนต่อคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ(บอร์ดการเคหะฯ) เรียบร้อยแล้ว โดยในส่วนของการขายคือ การรณรงค์ขายเดิมทีเดียวนั้นการรณรงค์ขายต่อเนื่องจะมีอยู่แล้วทุกปีแต่ช่วงนี้จะยังไม่เน้นกิจกรรมการตลาดเกี่ยวกับงานมหกรรม<strong>ขายบ้าน</strong>ดังเช่นเมื่อก่อนแต่ให้เน้นการลงพื้นที่เพื่อขายแบบประชิดตัวทุกโครงการโดยผู้ว่าการให้ความสำคัญแก่โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ เหตุผลคือต้องการหารายได้เข้า กคช. และนำไปชำระหนี้ สำหรับการจัดงานมหกรรมเดิมกำหนดจัดในเดือนมิถุนายนนี้แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงกำลังเลือกตั้งการจัดงานคงจะไม่ค่อยได้รับการสนใจเท่าที่ควร ทางกคช.ตัดสินใจเลื่อนไปจัดงานปลายเดือนกรกฎาคมแทนเพราะในช่วงนี้สื่อต่าง ๆ ทุกแขนงทั้งทางสื่อทีวี สื่อป้าย และสื่ออื่นๆต่างให้ความสนใจในข่าวการเลือกตั้งมากกว่าการลงทุนเรื่องในการประชาสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องยากที่จะได้รับความสนใจเนื่องจากประชาชนไปโฟกัสข่าวการเมืองมากกว่าพร้อมกับพิจารณาอีกด้วยว่าต้องมีการจัดงานมหกรรมอีกชุดหนึ่งช่วงปลายปีคาดว่าน่าจะมีโครงการเสร็จเพิ่มขึ้น ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติได้มีการประชุมเรื่อง<strong><a href="http://www.prbaan.com" title="ขายบ้าน, ขายที่ดิน, ขายคอนโด, อสังหริมทรัพย์">โครงการบ้าน</a></strong>เอื้ออาทรมีส่วนหนึ่งของอาคารที่ยังเหลืออยู่ ช่วงต้นปียอดคงเหลือประมาณ 55,000-56,000 หน่วย ขณะนี้มีการขายออกไปบ้างบางส่วนจึงมียอดคงเหลือ 46,000 หน่วย โดยในโครงการที่เหลืออยู่ กคช.ได้นำมาวิเคราะห์แล้วพบว่าจะเป็นโครงการกลุ่มที่ได้รับความนิยมถึง 18-20 %ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีกลุ่มที่พร้อมขายและไม่พร้อมขาย ซึ่งกคช.จะต้องเข้าไปบริหารจัดการ อาจจะเอาเข้าไปในธนาคารที่ให้รอบสองได้อีกส่วนหนึ่งในเรื่องของอาคารที่มีการชำรุดบางส่วน แต่ในการซ่อมแซม กคช.มีระเบียบในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควรซึ่งทางท่านผู้ว่าการได้ให้ไปดูเรื่องการปรับปรุงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว ที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือกคช. ได้มีนโยบายร่วมกับภาคเอกชนเพื่อประหยัดในการใช้ทรัพยากร ขณะนี้กำลังประสานงานกับรัฐวิสาหกิจ เพื่อทำแผนการตลาดเช่น อาจไปร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)จัดโปรโมชันการตลาด เรื่องการซื้อบ้านแล้วอาจจะมีรางวัลที่จะให้ กำลังอยู่ในระหว่างการประสานงาน ส่วนการสื่อสารกับกรมไปรษณีย์ การประหยัดในการใช้ทรัพยากรจะนำร่องในสองหน่วยงานนี้ก่อนเพราะจะมีการพัฒนาชุมชนด้วยโดยมีการอบรมให้ลูกบ้านด้วย ในส่วนของไปรษณีย์จะมีการสื่อสารให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านของกคช. ส่วนอีก 80 %ที่เหลือ ( 46,000 หน่วย)เป็นกลุ่มปานกลางและรอขาย ซึ่งในส่วนกลุ่มรอขายนั้นจะจ้างบริหารการขายให้เอกชนทั่วไปเข้ามาขายทางบริษัทที่รับบริหารการขายสามารถลงไปเจาะลูกค้าโดยตรงและในวันนี้ได้จ้างบริหารการขายไป 10 โครงการแล้วโดยอยู่ในกลุ่มรอขายทั้งหมด ในโซนปริมณฑล มีผลตอบรับที่ดี เพราะกคช.ให้ทางเลือกเพิ่มเพื่อให้เช่าด้วย สำหรับเงื่อนไข ของบริษัทที่รับบริหารการขายจะได้รับค่าตอบแทนแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 2.5 % ( ประมาณ 9,700 บาท ) และมี 9,300-9,500 บาท อีกอัตราหนึ่งขึ้นอยู่กับกคช.สามารถต่อรองให้อยู่ในอัตราใดเพราะในกลุ่มโครงการที่รอขายกล่าวคือโครงการยอดขายต่ำกว่า 60% แล้วค่าตอบแทนจะน้อยลง แต่หากโครงการยังเหลืออยู่กว่า 80% ถ้าผลตอบแทนก็จะมากหน่อยเพราะเขาต้องลงทุนในการประชาสัมพันธ์และทำการตลาดเพิ่มเติม ขณะนี้ กคช. ค่อนข้างพอใจในบริษัทที่รับบริหารการขายเพราะต้องมีการรายงานการบริหารการขายเข้ามาทุกเดือน แล้วทุกๆ 3 เดือนกคช.จะประเมินผลครั้งหนึ่ง <br>
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,642 9-11 มิถุนายน พ.ศ. 2554